วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2550

เที่ยวเหนือ 4 จังหวัด…เชียงใหม่(3)…สีสันราชพฤกษ์


ถึง…เพื่อน

ฉันไปเที่ยวมาตั้งแต่ตอนปีใหม่แน่ะ ว่าจะเขียนมาเล่าให้เธอได้อ่านก็ไม่ได้เขียนสักที นี่ก็ปาไปครึ่งปีแล้ว เรื่องมันก็คงไม่ตื่นเต้นตื่นตาตื่นใจเท่าไรแล้ว และเธอก็คงได้เห็นได้อ่านจากที่อื่นเยอะแยะ แต่ยังไงฉันก็อยากเล่าอยากส่งรูปให้เธอดู ก็ตั้งใจจะถ่ายรูปมาฝากเธอ เพียงแต่ฝากช้าไปหน่อยไม่ว่ากันนะ



ฉันเล่าย่อๆ สั้นๆ แล้วกันนะ เธอจะได้ไม่เบื่อ ฉันเดินทางมาเข้าชมงาน มหกรรมพืชสวนโลกเฉลิมพระเกียรติฯ ราชพฤกษ์ 2549 ตั้งแต่เช้าเลย เพราะกลัวว่าจะชมได้ไม่จุใจ

ก่อนเข้างานก็แวะหาอาหารเช้ากินก่อน มาแอ่วเมืองเหนือก็ต้องกินอาหารทางเหนือ ฉันแวะร้านอาหารเล็กๆ ริมทางก่อนเข้าบริเวณงาน ร้านนี้เขาจัดได้น่ารักดี ฉันกับเพื่อนสั่งขนมจีนน้ำเงี้ยวมากิน กลัวเธอไม่เชื่อก็เลยถ่ายรูปมาให้ดูด้วย อยากกินแล้วใช่ม๊า



เมื่ออิ่มแล้วก็เดินทางเข้าบริเวณงานพืชสวนโลก ด้านหน้าเขาวางร่มไว้คันใหญ่ มากๆ เลย แล้วก็มีโต๊ะตั้งไว้แจกแผ่นพับ เป็นคู่มือชมงาน เมื่ออ่านแผ่นพับแล้วก็ตั้งใจว่า จะเดินเที่ยวชมงานตามเส้นทางสายสีส้ม เพราะเขาบอกไว้ว่า หากต้องการเก็บเกี่ยวทุกอรรถรสของงานอย่างเต็มรูปแบบ ก็ต้องเดินตามรอยเท้าสีส้ม ใช้เวลาเดินราว 6 ชั่วโมง ระยะทางประมาณ 7.2 กิโลเมตร



งานนี้ก็จะเต็มไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ หลากหลายพันธ์ หลากหลายชนิด สวยๆ ทั้งนั้นเลย ถ้าเธออยากดูก็คลิกดูได้ที่ วีดีโอภาพด้านบนนะจ๊ะ





นอกจากสีสันของพันธ์พฤกษานานาชนิดแล้ว ก็ยังมีความงดงามของอาคาร สิ่งก่อสร้าง ตลอดจนสิ่งของประดับตกแต่งต่างๆ โดยเฉพาะสถาปัตยกรรมล้านนาประยุกต์ ของหอคำหลวง ที่ทุกคนที่มาเที่ยวงานต้องไม่พลาดชม ฉันก็ไม่พลาดชมเหมือนคนอื่นๆ แต่ที่พลาดจากที่ตั้งใจไว้ก็คือ เดินให้ครบตามเส้นทางสายสีส้ม เดินไม่ไหวซะแล้วฉัน และอีกหนึ่งอย่างที่พลาดก็คือ การแสดงต่างๆ แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก แค่นี้ก็ได้ชมได้ดูอย่างจุใจแล้ว









คราวหน้าฉันจะพาเธอไปทานอาหารกินบรรยากาศการแสดงที่เชียงใหม่นะ สวัสดีเจ้า




คิดถึง
ตะแบก



วันอาทิตย์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2550

เที่ยวเหนือ 4 จังหวัด…(2)น่าน


ถึง…เพื่อน



จากครั้งที่แล้วฉันเล่าให้ฟังเรื่องไปเที่ยวเขื่อนสิริกิติ์ที่จังหวัดอุตรดิตถ์มา แล้วบอกกับเธอไว้ว่าฉันจะเดินทางต่อมาที่จังหวัดน่าน ฉันดูจากแผนที่แล้ว จากเขื่อนสิริกิติ์มีเส้นทางที่เข้าจังหวัดน่านได้ โดยใช้เส้นทางหมายเลข 1339 เข้าน่านที่ปากนาย

เส้นทางนี้มีทิวทัศน์ที่สวยงามเป็นระยะ ขับไปเรื่อยๆ ก็เริ่มไม่ค่อยแน่ใจ เพราะทางถนนมันแคบลง แล้วก็มีรถบ้างประปราย ก็ขับไปตามป้ายที่มีบอก ยังมีป้ายชี้ทางก็คงยังไม่หลงหรอกนะ ปลอบใจตัวเองไว้ก่อน

ขับไปจนถึงเส้นทางเป็นดินลูกรัง สองข้างทางเป็นป่า ชักจะยังไงแล้วซิ แล้วจะไปน่านได้ไหมนี่ แต่ป้ายชี้บอกมาทางนี้นี่นา ขับมาสักพักก็เริ่มโล่งอกได้นิดหน่อย เพราะมีรถสวนทางมาบ้าง แต่สภาพทางไม่ค่อยดีเลย

ขับมาเรื่อยๆ ก็เริ่มมีทางลาดยาง แล้วก็มาสิ้นสุดที่ บ้านปากนาย มีแต่น้ำอยู่ข้างหน้า ถนนก็ไม่มีต่อ ทางตันหรือนี่ แล้วจะไปน่านได้ยังไง ก็ดูแผนที่แล้วไปได้ โถ โถ หลงทางหรือนี่ ต้องขับกลับไปไหนอีกไกลไหมล่ะ อย่ามัวสงสัยอะไรในใจอยู่เลย สอบถามดีกว่า



ฉันเดินลงเข้าไปถามร้านอาหารที่เป็นแพริมน้ำว่า จะไปน่านไปได้ยังไง ก็เลยได้คำตอบ ว่า จะมีแพข้ามฟาก สำหรับให้รถข้ามไปได้ แต่ต้องรอหน่อย เพราะแพเพิ่งไปเมื่อกี้เอง เฮ้อ! ค่อยโล่งใจ นึกว่าต้องขับกลับซะแล้ว

ระหว่างรอแพ ก็นั่งชมวิวริมน้ำ ที่ปากนายนี้เป็นจุดที่แม่น้ำน่านไหลลงสู่เขื่อนสิริกิติ์ ทอดสายตาไปไกลลิบๆ ก็เห็นแพกำลังลากรถมา ก็เลยขับรถมารอตรงจุดที่ป้ายเขาบอกว่า ทางลง




เมื่อเรือลากแพมาถึงใกล้ฝั่ง เขาใช้คนช่วยกันดึงเชือกเพื่อลากแพเข้ามา เพื่อนฉันก็เลยไปช่วยเขาดึงด้วย เมื่อสะพานไม้ถึงฝั่ง เขาก็ปล่อยลวดสลิงเพื่อให้สะพานแตะพื้น รถจะได้ขึ้นบกได้

เมื่อรถขึ้นแล้ว ก็เอารถลงเพื่อลากไปฝั่งน่านต่อ นั่งบนแพชมวิวสองฟากฝั่ง ลมโชยมาปะทะใบหน้าเย็นๆ ทำให้เคลิ้มอยากหลับได้เหมือนกัน มันเป็นอะไรที่สบายสดชื่นจังเลย





นั่งมาบนแพไม่นานนักก็ถึงฝั่ง ขับรถขึ้นเนินมาได้สักพัก พอมองกลับไป “สวยจังเลย “ ฉันเลยบอกเพื่อนจอดรถ ขอถ่ายรูปไว้หน่อยนะ จะได้เอามาให้เธอดู

คืนนี้ ฉันจะไปนอนที่ดอยเสมอดาว อุทยานแห่งชาติศรีน่าน ฉันมาถึงที่นี่ก็เย็นมากแล้ว

คืนนี้ที่ดอยเสมอดาว พระจันทร์สวยมากเลย พระจันทร์เต็มดวงส่องสว่าง แทบไม่ต้องใช้ไฟฉาย ฉันนอนเปิดหน้าต่างเต้นท์ มองดูดวงจันทร์ รู้สึกมีความสุข อยากให้เธอมาเห็นบ้างจังเลย รีบนอนดีกว่า พรุ่งนี้จะได้ถ่ายภาพทะเลหมอกกับพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า



บรรยากาศเช้ายามนี้ ธรรมชาติช่างสร้างสรรค์ เติมแต่ง แต้มโน้นนิดแต้มนี้หน่อย ผสมผสานอย่างลงตัว ทะเลหมอกสีขาวภายใต้ทิวเขาสลับซับซ้อน สอดแทรกแสงสีส้มที่ค่อยๆ ระเรื่อขึ้นบนท้องฟ้า ก่อนที่พระอาทิตย์ดวงกลมโตสีเหลืองจะโผล่ขึ้นมา จากแสงอ่อนๆ ก็เริ่มแผดจ้าขึ้นเรื่อยๆ จนต้องละสายตาจากดวงอาทิตย์ดวงนั้น


ผู้ชมความสวยงามก็ทยอยกันเดินทางกลับ คงทิ้งไว้ให้หมอกสีขาวยังคงอยู่คู่กับทิวเขาลูกเล็กบ้างใหญ่บ้าง แล้วหมอกก็คงจะจางไปเรื่อยๆ เมื่อความร้อนแรงของดวงอาทิตย์เพิ่มมากขึ้น ฉันก็เป็นหนึ่งในผู้ชมนั้นที่จะต้องเดินทางต่อไป








จุดหมายปลายทางจากนี้ก็คือ ตัวอำเภอน่าน ไปไหว้พระสักหน่อย ที่วัดภูมินทร์ ซึ่งมีวิหารจัตุรมุข เป็นงานสถาปัตยกรรมล้านนาแบบพิเศษ มีบันได และประตูออกทั้งสี่ทิศ ที่บันไดเป็นปูนปั้นรูปพญานาค เสียดายที่ไม่ได้ถ่ายหัวพญานาคมาให้ดู ถ่ายแต่ด้านหลัง เห็นแต่หางพญานาค







ภายในวิหารจัตุรมุขมีพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่สี่องค์ บนฝาผนังก็มีรูปจิตรกรรมสวยงาม มีภาพวาดที่แสดงถึงวิถีชีวิต ชาวน่านในอดีต มีภาพชายหนุ่มหญิงสาวเกี้ยวพาราสีกัน


ออกจากวัดภูมินทร์ ฉันก็เดินทางต่อเข้าเชียงใหม่เลย ที่จริงมาน่านครั้งนี้ฉันตั้งใจจะไปดอยภูคา ไปย้อนอดีตสักหน่อย เคยไปมาตั้งนานแล้ว 10 กว่าปีได้แล้วมั๊ง ตั้งแต่ที่ยังไม่มีชื่อเสียงเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว และน่านก็มีอะไรให้เที่ยวอีกเยอะเลย แต่มีเหตุจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนการเดินทางซะก่อน

ไว้คราวหน้าจะมาเที่ยวน่านให้จุใจมากกว่านี้ ฉันเดินทางเข้าเชียงใหม่โดยผ่านทางจังหวัดพะเยา เอาวิวสีสันของป่าเปลี่ยนสีมาฝากด้วยนะ แล้วฉบับหน้าจะพาเธอไปเชียงใหม่เจ้า

คิดถึง
ตะแบก