วันเสาร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2550

หนีร้อนไปเที่ยว...เกาะกูด



ถึง…เพื่อน

หวัดดีจ๊ะ ครั้งนี้ฉันจะพาเธอไปเที่ยวเกาะ หลับตานะ แล้วก็มโนภาพถึง หาดทรายขาว น้ำทะเลใสแจ๋ว ไล่เรียงสีจากสีอ่อนไปยังสีเข้ม จนบรรจบกับขอบฟ้าสีคราม เสียงระรอกคลื่นกระทบฝั่งเป็นระยะ ลมพัดเอื่อยๆ สูดหายใจเข้าลึกๆ

เป็นไงจ๊ะเธอ สบายขึ้นไหม คราวนี้ฉันไปหลบร้อนเที่ยวแถวเกาะกูดมาล่ะ ไปนั่งเรือท่องทะเล ดำน้ำดูปะการัง พายเรือแคนู กินอาหารทะเลสดๆ




ฉันไปพักที่เกาะกูดเนเวอร์แลนด์บีช รีสอร์ท ซึ่งเป็นรีสอร์ทที่ค่อนข้างเงียบ เป็นส่วนตัว ไม่พลุกพล่าน ด้านหลังรีสอร์ทติดกับคลอง ด้านหน้าติดทะเล บ้านพักก็มีสองโซน คือ โซนที่ติดริมคลอง กับโซนที่อยู่ด้านหน้าซึ่งสามารถมองเห็นทะเล ผ่านทิวมะพร้าวอันร่มรื่นได้


ช่วงบ่ายของวันแรกที่ไปถึง ฉันขี่จักรยานเที่ยวเล่นบริเวณรีสอร์ท มีทางขึ้นเขาซึ่งสามารถขี่อ้อมไปอีกหาดหนึ่งได้ แต่ว่าไปไม่ถึงไหน เพราะทางขึ้นลงเขา บางช่วงชันมาก ขี่ขึ้นไม่ไหว ต้องจูงจักรยาน เวลาขี่ลงทางชันก็กลัวจะเบรกไม่อยู่ เดี๋ยวจะลอยลงทะเลไป ระยะทางไกลหรือเปล่าก็ไม่รู้ กลัวว่าจะไม่มีแรงปั่นกลับ อย่ากระนั้นเลย กลับดีกว่า

กลับมาปั่นจักรยานเล่นบริเวณชายหาดได้ไม่นาน ฝนก็ตกลงมาซะแล้ว โธ่ ! ฟ้าฝนไม่เต็มใจเลย แล้วพรุ่งนี้จะได้
ออกไปดำน้ำดูปะการังหรือเปล่านี่ กลางคืนจะนอนอยู่แล้ว ฝนก็ยังตกอยู่เลย ฉันภาวนาขอให้ฝนหยุดตกเถอะ มาเที่ยวทั้งทีอย่าให้พลาดเที่ยวชมของสวยๆ งามๆ เลย

เช้าวันรุ่งขึ้น ฝนจางหายไปแล้ว ดีจังเลยจะได้ไม่พลาดเที่ยวเกาะรัง และดำน้ำดูปะการังที่เกาะยักษ์ ใช้เวลาเดินทางจากที่พักไม่นานเท่าไร เนื่องจากนั่งเรือสปีดโบ๊ต คนขับเรือปล่อยฉันและนักท่องเที่ยวให้ดำน้ำ ชมปะการัง บริเวณเกาะยักษ์ ฉันเห็นปลาที่นี่เยอะมาก ว่ายกันเป็นฝูงบ้าง ตัวเดียวโดดๆ บ้าง

ดำน้ำจนได้ที่แล้ว ก็ไปทานข้าวกันที่ชายหาดเกาะรัง ที่นี่หาดทรายขาว น้ำใสมาก บริเวณใต้ร่มไม้ก็มีเชือกผูกทำเป็นเปลไว้นั่งเล่นด้วย กินอิ่มแล้วก็หลับ หนังท้องตึงหนังตาหย่อน

ตอนนั่งเรือกลับที่พัก คลื่นลมเริ่มแรง แต่ละจังหวะที่เรือกระแทกคลื่น ตัวแทบลอยต้องจับไว้แน่นๆ แรกๆ ต้องออกเสียงด้วยจะได้ผ่อนคลายกระเพาะอาหาร กระแทกไปกระแทกมา อาหารมื้อกลางวันเมื่อกี้ย่อยหมดไปอย่างรวดเร็ว ช่วงหลังฉันขอยืนดีกว่า เพราะเหมือนว่าจะลดแรงกระแทกลงไปบ้าง ก็สนุกดี แต่ถ้าคลื่นลมแรงกว่านี้ก็แย่เหมือนกัน เพราะเริ่มจะไม่ปลอดภัย

กลับมาถึงที่พักก็ขอเติมพลังเข้าไปใหม่ พอได้อาหารเข้าไปก็พอจะมีแรงทำกิจกรรมต่อแล้ว ฉันก็เลยออกไปพายเรือแคนู บริเวณชายหาดหน้าที่พัก พายเรืออย่างสบายอารมณ์ เพราะคลื่นนิ่งมาก พายไปเล่นน้ำไปอย่างหนุกหนาน ก่อนที่จะต้องเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้น

ไปเที่ยวคราใดก็อดคิดถึงเพื่อนไม่ได้ ฉันเที่ยวเผื่อเธอเสมอ นะจะบอกให้ คราวหน้าไปเที่ยวที่ไหนมา จะเขียนมาเล่าให้เธอฟังอีกนะ จะเก็บภาพถ่ายเก็บความทรงจำมาฝากจ้า

คิดถึง
ตะแบก




วันอังคารที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2550

หลากหลายลีลา...ที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว

ถึง...เพื่อน

อากาศร้อนจังนะ เธอว่าไหม… ร้อนๆ แบบนี้คงไม่มีใครคิดอยากออกจากบ้านไปเดินท่ามกลางแสงแดดอันแรงกล้าเท่าไหร่นักหรอก แต่ฉันเป็นประเภทอยู่ไม่ค่อยติดบ้าน ก็เลยอดไม่ได้ที่จะออกไปสู้กับแสงแดดภายนอกบ้าน

ฉันไปเที่ยวสวนสัตว์เปิดเขาเขียวมาล่ะ ถ่ายรูปสัตว์น่ารักๆ มาให้เธอดูด้วย ฉันดูรูปเหล่านี้แล้วก็อดยิ้มไม่ได้กับลีลา ท่าทาง ของสัตว์เหล่านี้ เมื่อเธอได้ดูแล้วก็อย่าลืมยิ้มด้วยนะ แล้วโลกจะสดใส แถมคลายร้อนได้ด้วยนะจ๊ะ


ชื่อภาพ : นางแบบขาเรียว

สวนละมั่ง คือ จุดแรกที่ฉันไปจอดรถแวะดูความน่ารักของมัน ละมั่งอยู่กันเป็นกลุ่มบนสนามหญ้าใต้ร่มไม้ นักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสได้อย่างใกล้ชิด เนื่องจากเป็นสนามหญ้าเปิดโล่ง ไม่มีรั้วกั้น และพวกละมั่งก็คงคุ้นเคยกับคนแล้ว เพราะไม่เห็นพวกมันจะกลัวคนเลย ฉันเดินเข้าไปใกล้ละมั่งตัวนี้ มันมองฉันอยู่นานเหมือนว่า อยากจะถ่ายรูป ฉันก็เลยได้ถ่ายรูปนางแบบขาเรียวมาฝากเธอไงจ๊ะ


ชื่อภาพ : นางแบบขาตะเกียบ

ใกล้ๆ กับสวนละมั่งมีหนองน้ำ มีหงส์อยู่สองสามตัวลอยน้ำเล่นอยู่ ดูมันช่างสง่างามจริงๆ นะ แล้วก็มีเจ้านกตัวนี้ที่ฉันถ่ายรูปมาฝาก มันยืนนิ่งเฉยอย่างนี้อยู่นาน ไม่ขยับไปไหน ฉันก็ไม่รู้ว่าเขาเรียกว่า นกอะไร ถ้าเธอรู้ช่วยบอกฉันทีนะจ๊ะ มันเป็นนางแบบให้ฉันอีกตัวหนึ่ง แต่เป็นนางแบบขาตะเกียบ ค่ะ


ชื่อภาพ : อย่าทำหนูนะ

ฉันเห็นเจ้าอีกัวน่าตัวนี้แล้ว ท่าทางสายตามันคล้ายจะบอกว่า “อย่าทำหนูนะ” ที่ป้ายเขาเขียนบอกไว้ว่า ถิ่นกำเนิดของอีกัวน่าอยู่ที่ประเทศในแถบอเมริกากลาง และตอนเหนือของอเมริกาใต้ เป็นกิ้งก่าขนาดใหญ่สีเขียว มีหนามแหลมคล้ายหวี อยู่แนวกลางของลำตัวจากคอไปถึงหาง และมีวิธีในการป้องกันตัว คือ ใช้ปากกัด ใช้หางฟาด แต่มันมักเลือกวิธีหนีมากกว่าที่จะสู้ศัตรู โดยจะหนีลงน้ำ งั้นเจ้าตัวนี้ก็คงเตรียมตัวที่จะลงน้ำแล้วล่ะ แต่ฉันไม่ได้ทำอะไรมันจริงๆ นะ


ชื่อภาพ : แม่ขนตางอน

ยีราฟตัวใหญ่ คอยาว เคยแต่เห็นมันอยู่ไกลๆ พอได้มาอยู่ใกล้ๆ ให้อาหารมันกิน เพิ่งสังเกตได้ว่า ขนตายีราฟสวยมากเลย เป็นแพยาว งอน ไม่ต้องต่อขนตา ปัดมัสคาร่าให้เปลืองเลยล่ะ ฉันซื้อถั่วฝักยาวที่เขาตั้งขายให้มันกิน ลิ้นมันเรียวเล็กยาว มันแลบลิ้นและม้วนลิ้นรับถั่วฝักยาวเข้าไปกิน อิ่มสบายท้องใช่ไหมล่ะ แม่ขนตางอน


ชื่อภาพ : ปลื้ม

ไม่รู้ว่า คุณลุงฮิปโปโปเตมัส ยิ้มปลื้มอะไรนักหนา สงสัยจะถูกใจปากหรือเปล่า เวลาคุณลุงฮิปโปอ้าปากรอรับอาหาร คุณลุงฮิปโปจะหลับตาปี๋ อ้าปากกว้าง เห็นเขี้ยวล่างยาวโค้งอยู่ในปาก เห็นหนวดหลอมแหลมอยู่รอบปาก คุณลุงฮิปโปจะชอบอยู่ในน้ำ ดำน้ำเก่ง สามารถเดินท่องอยู่ใต้น้ำได้


ชื่อภาพ : บั้นท้าย

ฉันขับรถมาเรื่อยๆ ก็มาเจอเจ้าตัวแรดสองตัว นอนหลบร้อนอยู่ใต้ต้นไม้ ตัวมันใหญ่จังเลย มันนอนเอาก้นชนกัน โชว์บั้นท้ายอันมหึมาของมัน แต่ท่าทางมันน่าสงสารจัง สงสัยจะร้อนมาก


ชื่อภาพ : เศร้าจัง

ใกล้ๆ เจ้าตัวแรดสองตัวที่นอนอยู่ ก็มีม้าลายสองตัว ท่าทางเศร้าๆ อีกเหมือนกัน เหมือนตัวหนึ่งมันกำลังพูดปลอบใจอีกตัวหนึ่งอยู่นะ สงสัยจะไม่มีหญ้ากิน ป้ายที่ให้ความรู้เขาเขียนบอกลักษณะนิสัยเจ้าม้าลายไว้ว่า

“ ชอบอยู่รวมกันเป็นฝูงใหญ่ตามทุ่งหญ้า โดยจะเล็มหญ้าหากินร่วมกับสัตว์อื่นในทุ่งกว้าง เช่น นกกระจอกเทศ ยีราฟ แอนติโลป และสัตว์กีบชนิดอื่นๆ ซึ่งมักจะมีนกกินแมลงจับเกาะอยู่บนหลัง เพื่อช่วยระวังภัยและกินพวกแมลงที่มารบกวน นกกระจอกเทศและยีราฟจะคอยช่วยเป็นป้อมยามคอยเตือนภัยและระวังภัยให้ เพราะม้าลายสายตาไม่ค่อยดี แต่จมูกและหูไวมาก ฟันคม “


ชื่อภาพ : อร่อยจัง

เจ้านากเล็กเล็บสั้น กำลังใช้เท้าหน้าสองเท้าจับปลาใส่ปาก กินอย่างอร่อยเชียวล่ะ เจ้าตัวนี้มันมีลูกน้อยด้วยนะ ตัวเล็กๆ น่ารัก กำลังมุดอยู่ในท่อน้ำ นากเล็กเล็บสั้นเป็นนากที่มีขนาดเล็กที่สุดในประเทศไทย และเป็นนากที่มีเล็บสั้นและโค้งไม่ยื่นออกมาพ้นปลายนิ้ว เขาจึงเอาลักษณะที่แปลกแตกต่างมาตั้งเป็นชื่อกระมัง


ชื่อภาพ : ร้อนจัง

เจ้าหมีควายตัวนี้มันเดินลงเล่นน้ำ แช่น้ำ มันคงจะหงุดหงิดไม่ใช่น้อย ก็แดดมันร้อนขนาดนี้นี่นะ ส่วนอีกตัวหนึ่งฉันเห็นมันกำลังเกาหลังมันอยู่ สงสัยมันจะคันมาก แต่มันไม่ได้เอามือเกาหรอกนะ มันเอาหลังถูกับก้อนหินก้อนใหญ่ๆ ก้อนหนึ่งอยู่ ยิ่งถูก็ยิ่งมัน เห็นมันถูใหญ่เลย

ที่ป้ายเขาบอกว่า มันเป็นหมีขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และที่เรียกว่า หมีควาย ไม่ใช่เพราะมันตัวใหญ่เหมือนควายนะ แต่เป็นเพราะรูปตัว V ใต้คอ ซึ่งเป็นรูปและสีเดียวกับของควาย ของควายมีแบบนี้ด้วยหรือ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันไม่เคยเข้าไปสังเกตใกล้ๆ ควายด้วย กลัวมันขวิดเอาน่ะ


ชื่อภาพ : หยิ่ง

ฉันไปเจอเจ้ากิ้งก่าตัวนี้ตอนที่ฉันกำลังเดินไปดูหมีหมา เห็นมันเชิดชูคอ ท่าทางหยิ่งผยองเอาเรื่อง ทำให้นึกถึงสำนวนของไทยที่ว่า “กิ้งก่าได้ทอง” คงเป็นลักษณะท่าทางของมันกระมัง จึงทำให้เขาเอาไปเปรียบเทียบ


ชื่อภาพ : อกหัก

น่าสงสารเจ้าหมีหมาตัวนี้จังเลย ดูมันนั่งซิ เฮ้อ! อกหักล่ะซิ เจ้าหมีตัวไหนหนาที่ไม่รักสุดหล่ออย่างเจ้า เขาเขียนป้ายบอกว่า เป็นหมีที่เล็กที่สุดในโลก และชอบหากินเป็นคู่ นั่นซินะ ขาดคู่แล้วเศร้า แล้วอาหารที่เจ้าหมีนี้ชอบมากก็คือ น้ำผึ้ง


ชื่อภาพ : หนุนปาก

จระเข้น้ำเค็ม มีนิสัยดุร้ายกินคนเป็นอาหารได้ เขามีป้ายบอกว่า ห้ามโยนอาหารให้มันกินด้วย สงสัยมันจะดุมาก ฉันไปเห็นมันกำลังหลับอยู่ มันก็น่าจะหลับนะ เห็นมันอยู่นิ่งๆ ท่านี้ โดยเอาปากไปหนุนไว้บนก้อนหิน คงเป็นท่าที่มันสบายมั้ง


ชื่อภาพ : โอ๊ะโอ…

ดูเจ้าอูฐตัวนี้มันทำปากซิ โอ๊ะโอ… มีอะไรหรือจ๊ะเจ้าอูฐทำปากแบบนี้หมายความว่าอย่างไร หรือว่า ปากเจ้าเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ประเทศทางอาหรับ เขาเลี้ยงอูฐเพื่อใช้บริโภคเนื้อ นม และใช้บรรทุกของ ทำงาน ขี่ และใช้ประโยชน์จากหนังและขนด้วย ไม่รู้ว่าเนื้ออูฐและนมอูฐรสชาติเป็นยังไง เธอเคยกินหรือเปล่าจ๊ะ


ชื่อภาพ : หนูอยากดูดนม

เจ้าลูกช้างตัวนี้ มันคงอยากจะดูดนมแม่ แต่ด้วยคนดูมันเยอะ มันคงอายๆ หรือเปล่า หรือว่ามันดูดแล้วไม่มีน้ำนม เพราะดูแล้วนมแม่ช้างไม่น่าจะมีน้ำนมเท่าไรเลย เธอรู้ความหมายของคำว่า ช้างพลาย ช้างพัง หรือเปล่าจ๊ะ

ถ้าเป็นช้างตัวผู้มีงา เขาเรียกว่า “ช้างพลาย” แต่ถ้าบางตัวไม่มีงา เขาเรียกว่า “ช้างสีดอ” ปกติแล้วตัวเมียไม่มีงา เรียกว่า “ช้างพัง” แต่บางตัวมีงาสั้นๆ เขาเรียกว่า “ขนาย” อันนี้ก็เอาความรู้มาจากป้ายที่เขาอธิบายรายละเอียดลักษณะของสัตว์แต่ละประเภทเอาไว้ค่ะ

เป็นอย่างไรบ้างจ๊ะ กับรูปสัตว์น่ารักๆ หลากหลายลีลาเหล่านี้ บางครั้งก็สงสารมันนะ ถ้ามันได้อยู่ในป่า อยู่ตามธรรมชาติของมันคงจะดีไม่น้อย ที่สวนสัตว์เปิดเขาเขียวเขาก็จัดให้มันได้อยู่ใกล้เคียงกับธรรมชาติของมัน แต่ก็นั้นแหล่ะนะ มันก็ไม่ได้มีอิสระเหมือนกับสภาพตามธรรมชาติของมัน

คิดถึง
ตะแบก

วันพุธที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2550

ตลาดน้ำยามเย็น...อัมพวา



ถึง….เพื่อน

“น้ำทะเลยังคงมีขึ้นมีลงฉันใด ชีวิตคนเราก็มีขึ้นมีลงฉันนั้น ปัญหาต่างๆ เกิดขึ้นได้กับทุกคนตลอดเวลา ค่อยๆ แก้ปัญหาไปสักพักมันก็จะมีทางออกของมันเอง ขอเพียงเธอไม่ย่อท้อ สู้ มีกำลังใจ วันพายุฝนเมฆดำก็จะผ่านพ้นเป็นวันฟ้าใส ในไม่ช้า ฉัน…เพื่อนคนหนึ่งของเธอจะขอเป็นกำลังใจให้นะ “




เธอคง งง!!ล่ะซิว่ามันเกี่ยวอะไรกับตลาดน้ำยามเย็น ….
เกี่ยวซิ ไม่งั้นก็คงไม่ได้ไปเที่ยวสมุทรสงครามหรอก

คือว่าพอดีเพื่อนของฉันคนหนึ่งช่วงนี้เขามีปัญหาชีวิต ฉันอยากให้เพื่อนสบายใจ คลายทุกข์ อยากให้กำลังใจก็เลยจะพาเขาไปพักผ่อน เมื่อสบายใจขึ้นมาบ้างก็จะได้มีพลังในการดำเนินชีวิตไง

ตอนเช้าวันเสาร์ก็เลยโทรไปชวนเขาว่าจะไปสมุทรสงครามไหม ซึ่งเขาก็ไม่ปฏิเสธ พวกเรา 5 คนก็เริ่มเดินทางในตอนสาย กว่าจะถึงสมุทรสงครามก็ใกล้เที่ยงพอดี ว่าจะไปกินข้าวเที่ยงที่ดอนหอยหลอดสักหน่อย ขับรถเข้ามาที่ตัวเมืองสมุทรสงครามเฉยเลย ก็เมื่อกี้เห็นป้ายทางซ้ายบอกอยู่ว่าไปดอนหอยหลอด ใยมาเข้าตัวเมืองแล้วขับออกมาทางอัมพวา ก็ไม่เป็นไร เพราะเพื่อนฉันเขาจะมาหาคุณครูที่สอนสมัยมัธยมที่อัมพวาพอดี ฉันว่าดีจังนะ ยังติดต่อคุณครูอยู่สอนตั้งแต่สมัยมัธยมแน่ะ พวกเราเลี้ยวรถเข้ามาที่วัดช่องลมเพราะคุณครูสอนอยู่ที่โรงเรียนวัดช่องลม วัดช่องลมนี้มีเจดีย์ไห อายุกว่า 100 ปี

ฉันสงสัยจังว่าทำไมต้องเอาไห มาสร้างเป็นเจดีย์

คุณครูเล่าให้ฟังว่า สมัยก่อนปูนซิเมนต์มีราคาแพงจะได้ประหยัดไม่ต้องใช้ปูนเยอะ แล้วที่เห็นว่าบางลูกมีรอยทุบแตก ก็เพราะว่าคนสมัยก่อนเขาเก็บทรัพย์สมบัติมีค่าไว้ในไห ชาวบ้านก็เลยมาทุบไหเพื่อเอาของมีค่าไป

คุณครูพาเดินลอดเข้าไปภายในเจดีย์ด้วย คุณครูเล่าว่า สมัยก่อนเจดีย์ไหแห่งนี้ เป็นสถานที่ ที่หลวงปู่บ่ายซึ่งเป็น พระเกจิอาจารย์ชื่อดังของจังหวัดสมุทรสงคราม ใช้เป็นที่นั่งวิปัสสะนากัมฐาน จนมีฌานแก่กล้า อาคมเข้มขลัง คุณครูพาเราชมเจดีย์ไหได้อย่างเดียวเพราะว่าคุณครูติดธุระ ว้า… เสียดายจังเลยไม่ได้คนพื้นที่พาเที่ยวเลย แต่แค่นี้ก็ขอขอบคุณครูมากค่ะ

ก่อนออกจากวัดเพื่อนฉันบอกว่า ขอแวะถวายสังฆทานก่อนเพราะว่าเตรียมมาด้วย ฉันว่านะ การทำบุญทำทานก็ช่วยทำให้เราสบายใจขึ้นเหมือนกันนะ เพราะเวลาฉันมีเรื่องมีปัญหา ไม่สบายใจ ฉันก็จะทำบุญ เลี้ยงอาหารปลา แล้วก็กลับมาสู้กับปัญหาใหม่

จ๊อกๆๆๆ ท้องร้องแล้วล่ะ ไปทานอาหารกันเถอะ พวกเราขับรถไปทานอาหารที่ร้านครัวแม่อุไร ซึ่งไม่ไกลจากวัดเท่าไร เป็นร้านอาหารริมแม่น้ำแม่กลอง บรรยากาศเย็นสบาย ลงนั่งปั๊บก็สั่งอาหารทันที เจ้าลูกชายคนโตของเพื่อนก็ไม่รอช้า สั่งก่อนเพื่อนเลยว่า เอาปลาหมึกชุบแป้งทอด ปลาหมึกนึ่งมะนาว ฉันว่าหลานต้องชอบกินปลาหมึกแหงๆ สั่งปลาหมึกทั้งสองอย่างเลย เมื่อมาแม่กลองแล้วที่พลาดไม่ได้ก็ต้องเป็น ปลาทู แล้วก็หอยหลอด ฉันหิวมากไม่ทันได้ถ่ายรูปหน้าตาอาหารมาให้เธอดูเลย มาคิดได้อีกทีว่าจะถ่ายรูปอาหารก็หมดเกลี้ยงจานซะแล้ว

ที่นี่เขามีบริการบ้านพักด้วยนะ มีทั้งบ้านพักที่ติดริมแม่น้ำแล้วก็บ้านพักในสวน มีบริการล่องเรือเที่ยว ล่องเรือชมหิ่งห้อย พนักงานของร้าน บอกว่าเป็นเรืออีป้าบ น่าจะเขียนถูกนะ เขาบอกว่าคล้ายเรือหางยาว มีหลังคาด้วย หรือว่ามันคือเรือหางยาวแล้วใส่หลังคา

เอ.. ไม่รู้เหมือนกัน

ครั้งนี้พวกเราคงไม่ได้ชมหิ่งห้อยเพราะมาเช้าเย็นกลับ ก็ไว้คราวหน้าแล้วกัน แต่ฉันเคยมาชมแล้วครั้งหนึ่งนะ ล่องเรือตอนกลางคืนชมหิ่งห้อยที่เกาะแถวต้นลำพูริมน้ำ ฉันว่านะ บางต้นเหมือนต้นคริสต์มาสที่เขาเปิดไฟกะพริบ สวยดี ต้นใหญ่บ้างเล็กบ้าง
คราวหน้าถ้าจะมาพักฉันอยากมาพักแบบชาวบ้านๆ พายเรือในลำคลอง ใส่บาตรตอนเช้าริมคลอง เล่นน้ำริมคลองอะไรประเภทนี้ แต่ก็ยังไม่รู้เลยมีที่พักที่ไหน เพราะว่าเห็นโฮมสเตย์ สมัยปัจจุบันนี้เข้าใกล้รีสอร์ตไปทุกที หรือว่าฉันจะเข้าใจนิยามคำว่าโฮมสเตย์ผิด

เมื่อทานอาหารเสร็จพวกเราก็เดินทางต่อไปที่อุทยาน ร.๒ ซึ่งไม่ไกลจากที่เดิม จากที่พนักงานของร้านครัวแม่อุไรบอกว่าแค่ 5 นาทีก็ถึง แต่ฉันก็ไม่ได้จับเวลาซะด้วยซิว่ามันใกล้แค่ 5 นาทีถึงหรือเปล่า พวกเราต้องจ่ายค่าเข้าชมก่อนซึ่งผู้ใหญ่ราคา 20 บาท เด็กก็ราคา 5 บาท จากนั้นก็เดินเท้าเข้าไปชมความงามท่ามกลางร่มไม้อันร่มรื่น มีสนามหญ้าอันเขียวขจี ถ้าได้นอนเอกเขนกสักพักบนสนามหญ้าใต้ต้นไม้ก็คงดีไม่น้อย

ฉันเคยมาที่นี่แล้ว 2 ครั้งเห็นจะได้ ว่าจะพาเพื่อนไปชมอาคารทรงไทยที่เคยมาชมแล้ว ซึ่งเขาจัดไว้อย่างสวยงามเลยเชียวล่ะ แต่ตอนนี้เขาทำการซ่อมแซมปรับปรุงอยู่ เลยอดชมเลย แต่เมื่อเดินไปสักหน่อยก็เจออาคารทรงไทยหลังใหม่ ซึ่งจัดได้สวยงามไม่แพ้กัน แต่ฉันชอบอาคารทรงไทยอาคารเดิมมากกว่า

ออกจากอาคารหลังใหม่มาก็จะเจอชาลาวันกับไกรทองเป็นรูปปูนปั้นตั้งอยู่ในน้ำ เธอรู้หรือเปล่าว่าเกี่ยวกันยังไงถึงมีการสร้างไว้ในอุทยาน ฉันเห็นมีป้ายติดเขียนเป็นกลอนไว้ด้วย หรือว่าเรื่องไกรทองจะเป็นพระนิพนธ์ของรัชกาลที่สอง ที่ใกล้ๆ รูปชาลาวันกับไกรทองมีอาหารปลาไว้บริการด้วย ใครจะเลี้ยงปลาก็หยอดเงินใส่ตู้ ซึ่งเขาคิดราคาถุงละ 10 บาท แล้วก็เพื่อความสบายใจฉะไหนเลยฉันจะพลาดได้ พอโยนอาหารปลาไปมีแต่ปลาตัวใหญ่ทั้งนั้นเลย เยอะด้วย ให้อาหารปลาเสร็จพวกเราก็เดินไปที่ท่าน้ำ ชมแม่น้ำแม่กลองที่ไหลเรื่อย รับลมเย็นๆ ริมน้ำ

เล่าให้ฟังก็ตั้งนานแล้ว ไม่เห็นจะพาไปตลาดน้ำยามเย็นสักที


จ้า ฉันจะพาเธอไปแล้ว ก็เป็นตลาดน้ำยามเย็นนี่นา จะรอเที่ยวตลาดน้ำอย่างเดียวก็ยังไงอยู่ ก็ไปเที่ยวที่อื่นก่อนจนเย็นค่อยเดินตลาดไงจ๊ะ พวกเราขับรถกลับมาจอดไว้ที่วัดอัมพวันใกล้ๆ กับอุทยาน ร.๒ ตลาดน้ำยามเย็นก็อยู่ใกล้ๆกับวัดนั้นแหละจะ ฉันเคยอ่านเจอในหนังสือว่า ตลาดน้ำอัมพวานี้จะมีกันเฉพาะวันขึ้นหรือแรมกี่ค่ำนี่ล่ะ แต่นานมาแล้วนะ มาปัจจุบันนี้มีทุกเสาร์ อาทิตย์



ตลาดน้ำนี้มีของกินเยอะมากเลย ตั้งแต่ปากทางเข้าตลาดบนบก ร้านบนบกที่ติดริมน้ำ จนถึงเรือที่จอดขายอาหารริมตลิ่ง มีแต่ของน่ากินทั้งนั้น แต่ยังไม่ได้ซื้ออะไรกินได้แต่หมายตาเอาไว้ก่อน เพราะว่าถ้าขืนซื้อตั้งแต่ปากทางเข้าคงกินไม่ไหวแน่ๆ เริ่มแรกก็ขอดื่มน้ำก่อนแล้วกัน ฉันซื้อน้ำสีม่วงอ่อนมาดื่ม เธอว่าเป็นน้ำอะไรจ๊ะ ติ๊กตอก ๆๆ ทายถูกไหมเอ่ย ก็น้ำดอกอัญชันไง

ฉันกวาดสายตามองอาหารที่ขายอยู่ในเรือริมตลิ่งแล้ว อยากกินทุกอย่างเลย ไม่ว่าจะเป็น กุ้งเผา กุ้งทอด ปลาหมึกย่าง ผัดไท หอยทอด หมูสเต๊ะ ทอดมันหัวปลี ก๋วยเตี๋ยวเรือ ก๋วยเตี๋ยวหมู และอีกหลายอย่าง เป็นไงเธอ น้ำลายจะไหลแล้วซิ กลืนไปก่อนนะจ๊ะ
เพราะว่ายังมีของหวานอีกสารพัดเลย ไม่ว่าจะเป็น ลอดช่อง ข้าวเหนียวเปียก ข้าวเหนียวมะม่วง ลูกชุบ ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง แล้วก็อีกหลากหลายอย่าง ของแบบนี้ต้องไปดูเองชิมเองถึงจะได้รสชาติ แล้วมีโอกาสเมื่อไหร่จะพาเธอไปนะ

ตลาดที่นี่ไม่ใช่จะมีแต่อาหารนะ ประเภทของที่ระลึกก็มี มีร้านขายรูป ขายโปสการ์ดด้วย ร้านเขาจัดได้น่ารักมาก มีแต่รูปสวยๆ ทั้งนั้นเลย ดนตรีก็มีให้ฟังด้วย เป็นประเภทเล่นดนตรีเปิดหมวกไง

ฉันเห็นยายคนหนึ่งนั่งอยู่ใกล้ๆ กับคนสีไวโอลิน ฉันเลยเข้าไปถ่ายรูปยายกับคนสีไวโอลิน พอฉันกำลังจะเดินออกมายายพูดว่า

“ถ่ายรูปฉันเหรอ สวยตายล่ะ”

พร้อมกับรอยยิ้มหวานๆ ของยาย ฉันเลยคุยกับยาย ยายบอกว่าเมื่อก่อนยายขายมะพร้าว แต่ขายไม่ดี เลยมาขอทาน ยายบอกกับฉันตรงๆ เลยหรือนี่ ฉันก็เลยให้เงินยายไป บอกยายว่าเอาไว้ซื้อข้าวกินนะคะ

พวกเราเดินไปเกือบสุดตลาดก็เจอกับดนตรีเปิดหมวกอีกหนึ่ง กำลังตระเตรียมสถานที่และเครื่องดนตรี คราวนี้มีสองคน คนหนึ่งเล่นกีตาร์ อีกคนหนึ่งเล่นแบนโจ พวกเรานั่งฟังอยู่หลายเพลง ฟังแล้วไพเราะ เพลินดี แล้วก็สนุก สบายใจด้วย แต่คงนั่งนานกว่านี้ไม่ได้ เดี๋ยวจะมืดค่ำก่อน

ที่ตลาดนี้มีบริการให้เช่าเรือไปเที่ยวด้วย เจ้าลูกสาวคนเล็กของเพื่อนอยากนั่งเรือเที่ยว พวกเราก็เลยเช่าเรือหางยางลำหนึ่ง เขาคิดเหมาไป 400 บาท เมื่อลงเรือแล้ว นายท้ายเรือบอกว่าใส่เสื้อชูชีพด้วยครับ ฉันว่า ดีนะที่เขาคำนึงถึงความปลอดภัยของผู้โดยสาร ดังนั้น ถ้าจะให้ปลอดภัยจริงผู้โดยสารก็ควรปฏิบัติตามที่เขาบอกด้วย

เรือหางยาวแล่นไปตามลำน้ำแม่กลอง สองฝากฝั่งเป็นบ้านเรือนเก่าบ้าง ใหม่บ้าง มีต้นไม้ มีสวนผลไม้ โดยเฉพาะสวนลิ้นจี่นั้น ตอนนี้กำลังออกลูกสีแดงน่ากินเชียว มีหนุ่มสาวนั่งจับกลุ่มคุยหยอกล้อเล่นกันสนุกสนาน มีลุงใส่ผ้าขาวม้าอาบน้ำอยู่ริมตลิ่ง มีสุนัขนอนเล่นอยู่บนเรือน มีคุณลุงคุณป้านั่งตกกุ้งอยู่ในเรือ มีครอบครัวนั่งย่างกุ้งอยู่ริมระเบียง คุณพี่เขาโชว์กุ้งทักทายพวกเราด้วย

จุดแรกที่นายท้ายเรือพา
พวกเราแวะก็คือ วัดอินทาราม พวกเราขึ้นไปไหว้พระ กราบหลวงพ่อโต เสร็จจากนั้นก็เดินทางต่อไปที่ค่ายบางกุ้ง ซึ่งมีความสำคัญในอดีต คือเป็นที่ตั้งค่ายรับศึกทัพพม่าเป็นครั้งแรก หลังจากที่พระเจ้าตากสินมหาราชกู้เอกราช จึงมีการสร้างอนุสาวรีย์พระเจ้าตากสินมหาราชไว้ที่นี่ ใกล้ๆ กับอนุสาวรีย์มีโบสถ์เก่าแก่ซึ่งมีลักษณะพิเศษคือ โบสถ์ทั้งหลังปกคลุมด้วยต้นไม้สี่ชนิด คือ ต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นไกร ต้นกร่าง ชาวบ้านเรียกกันว่าโบสถ์ปกโพธิ์ พวกเราได้เข้าไปกราบพระ ปิดทองพระ เพื่อเป็นสิริมงคล จุดต่อไปนายท้ายเรือบอกว่าจะพาไปวัดบางแคน้อย แต่ว่าใกล้จะค่ำแล้ว พวกเราจึงไม่ได้แวะ แต่ฉันเคยมาแล้วครั้งหนึ่ง ภายในผนังโบสถ์มีภาพอันสวยงานเกี่ยวกับเรื่องราวในพุทธประวัติ

ก่อนที่พวกเราจะเดินทางกลับ ก็ไม่ลืมที่จะซื้อของฝากติดไม้ติดมือกลับบ้านไปด้วย ที่พลาดไม่ได้ก็ปลาทูแม่กลอง เพื่อนฉันอีกคนที่ไปด้วยกัน บอกว่า มันเป็นปลาทูหน้างอคอหัก เขาเรียกกันทั่วไปหรือเปล่าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ดูลักษณะปลาทูแล้วก็หน้างอคอหักจริงๆ นั้นแหละ ช่างเรียกจริงๆ นะ แล้วก็ซื้อหอยหลอดสามรส ซื้อทองม้วน ซื้อขนมนางเล็ด ซื้อส้มโอ มาฝากคนทางบ้าน


เป็นไงจ๊ะอยากไปใช่ไหมล่ะ ถ้าว่างเมื่อไหร่ก็บอกฉันนะ ถ้าฉันว่างด้วยแล้วฉันจะพาไป

คิดถึงเพื่อน
ตะแบก

ปล. ฉันอัดเสียงแบนโจกับกีตาร์มาฝากด้วยจ้า

banjosong_amphava....

วันอังคารที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2550

ทักทาย

สวัสดีค่ะ About My Travel ยินดีต้อนรับเข้าสู่เรื่องราวการเดินทางท่องเที่ยวค่ะ Blog นี้ได้ก่อกำเนิดเกิดขึ้น เพราะความชอบ ความรัก บวกกับความฝัน ฉันชอบการเดินทาง การท่องเที่ยว การถ่ายรูป เมื่อมีโอกาสว่างจากการงาน ฉันมักจะเลือกพักผ่อนไปกับการเดินทางท่องเที่ยว ฉันชอบเขียนบันทึกการเดินทาง เรียงร้อยถ้อยคำบอกเล่า เขียนเป็นจดหมายถึงเพื่อน ภาษาที่ใช้อาจจะไม่สละสลวยเป็นภาษาเขียนเท่าไรนัก บางครั้งอาจเขียนเป็นภาษาพูดลงไปด้วย ซึ่งเป็นภาษาที่ใช้สื่อกันกับเพื่อนฝูง
ฉันอยากแบ่งปันจดหมายให้เพื่อนๆ ได้อ่าน ได้สนุก มีความสุข ไปกับการเดินทางของฉัน ถ้าเพื่อนๆ มีข้อความ ความคิดเห็น ก็อย่าลืม comment เข้ามานะคะ


ขอบคุณมากค่ะ
ตะแบก